จอห์น กริแชม : คนใฝ่ต่ำ ผู้มีความสุขสูง

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันศุกร์ที่ 17 เม.ย. 2552 คอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เล่าเรื่องของนักเขียนขายดีระดับโลกผ่านชื่อตอน “ทางเลือกของคนใฝ่ต่ำ” เอาไว้คมคาย สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ยิ่งนัก ลองพิจารณาดูสิ
“ชีวิตของผมตอนนี้ คิดว่านะ เรียบง่าย โค-ตะ-ระ โคตรที่สุดในโลกนะ”
คำพูดที่หล่นจากปากกับวิถีการครองตนของ “มร.จอห์น กริแชม” อดีตทนายความ นักเขียนนวนิยายแนวต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรมในชั้นศาลตามแนวถนัด เล่าเรื่องราวได้ทั้งตื่นเต้นและน่าติดตาม จนมีคนรักใคร่ซื้อหาพลิกอ่านโดยพลันกันบานตะไท
เจ้าของผลงานโดดเด่นขั้นเทพเรียกนายที่มีนายทุนชุบตัวละครบนเส้นอักษรให้มีชีวิตผ่านแผ่นฟิล์มในแวดวงหนังฮอลลีวูดทำเงินขึ้นกล่องบ็อกซ์ออฟฟิศตั้งหลายเรื่อง อาทิ เพอร์ริแกน บรีฟ เดอะ เฟิร์มฯลฯ นักอ่านคนไทยที่ชอบนวนิยายแปลแนวระทึกน่าจะบางอ้อ…อ๋อเออ…นึกออก
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้ครบ 54 ฤดู แต่เพิ่งบรรเจิดสร้างเฟสบุ๊กบนโลกออนไลน์เป็นของตัวเอง หวังใกล้ชิดรักคนอ่าน และร่ายต้นฉบับผลงานล่าสุดเล่มที่ 22 ของชีวิต เสร็จออกจากเตาแป้นพิมพ์กรุ่นหอมรสชาติคุ้นตา
แนวสะเทือนขวัญท้าทายอำนาจกฎหมาย (และอีก) ชื่อเรื่องว่า “ดิ แอชโซซีเอท”
ยอดขายพิมพ์ซ้ำสอง สั่งจองล้น 2 ล้าน 8 แสนเล่ม ค่ายพาราเมาท์ พิกเจอร์ส ก็รีบคว้าหมับ เสร็จผมครับ เตรียมประแป้งป๋าปั้นดัน “Shia LaBeout” พระเอกวัยละอ่อน 22 ที่กำลังมาแรง…ง… รับบทนำหน้าหนังเรื่องนี้
กริแชมเคยสูดดมความหอมหวานกับอาชีพการเมือง เพราะรับใช้ประชาชนเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต สส.รัฐมิสซิสซิปปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2526-2533
ปัจจุบันกลับเหม็นอ้วก “ถึงรับประกันให้ผมนั่งตำแหน่งวุฒิสมาชิกในสภาถึง 20 ปี ก็ไม่ละครับ ผมไม่อยากเข้าไปนั่งฟังคนเถียงกัน ไม่เห็นสนุกเลย”
ไดอะรีวันๆ แทบซ้ำซาก อยู่บ้านสองหลังผลัดนอนระหว่างโรงนาที่รัฐมิสซิสซิปปีกับฟาร์มทุ่งแถวๆ เมืองชาร์ลอตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ชอบเปิดเว็บเพื่ออ่านคำติชมจากแฟนหนอนหนังสือที่บางคนก็เขียนมาบอกว่า หน้า 127 ใช้คำผิดไปนะ แต่ไม่สนคำติฉินของกลุ่มนักวิจารณ์เจ๋งแต่ปาก แล้วใช้เงินใช้ทองจากผลงานหนังสือที่ขายได้ทั่วโลก 235 ล้านเล่มก็ล้นแล้ว
“ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากจะเป็นผู้นำประเทศนัก” อดีตสส.ใฝ่ต่ำเปรยปลิวไม่ขอตอบ!!!!
ใครที่ชอบอ่านนวนิยายขายดีโดยนักเขียนสากลคงไม่ต้องแนะนำว่า “จอห์น กริแชม” คือใคร เพราะสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่ตีพิมพ์ผลงานของเขาขายในเวทีโลก มักจะพิมพ์ชื่อของเขาตัวโตเท่าหม้อแกง โดดเด่นเป็นสง่าเสียยิ่งกว่าชื่อนิยายที่เขาเขียน เพราะชื่อของเขากลายเป็น “แบรนด์” ที่เข้มแข็งยิ่งกว่าเรื่องที่เขาเขียนเสียด้วยซ้ำ
จอห์น กริแชม บ่นเหม็นสาบการเมือง หลังจากสัมผัสการเมืองอเมริกันมาร่วมทศวรรษ แล้วก็ได้บทสรุปว่า ขอกลับมาเป็นนักเขียน (ขายดี) ที่ใฝ่ต่ำ ด้วยการมีวิถีชีวิตที่แสนเรียบง่ายดีกว่า สำหรับ “ยศ ทรัพย์ อำนาจ” นั้น “พอกันที” เพราะของสิ่งนี้ไม่เคยให้ความสุขที่แท้จริง
กว่า จอห์น กริแชม จะเดินทางมาถึงบทสรุปเช่นนี้ได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปี แต่ตอนนี้เขามีชีวิตที่เป็นสุขอย่างยิ่งแล้วกับทางที่เขาเลือกเดินและโลกที่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่
การ “ใฝ่ต่ำ” ของ จอห์น กริแชม นั้น เป็นการประเมินจากคนในสังคมทั่วไป แต่ในทางธรรมหรือในสายตาของวิญญูชนแล้ว การมีชีวิตที่เจ้าของชีวิตเป็นผู้ “จัดการชีวิตด้วยตัวเอง” ได้ในแทบทุกเรื่องนั้น
นั่นแหละคือการใฝ่สูงที่แท้จริง
แต่ในโลกนี้ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าฝ่ากระแสโลกด้วยการกลับหลังหันจาก “ค่านิยมของสังคม” ที่มักสร้างบรรทัดฐานของการคิด การพูด การทำงาน การใช้ชีวิต จนแน่นหนักเป็นหลักฐานเอาไว้ในทุกๆ เรื่องมาสู่การมีชีวิตที่มีชีวา หรือมาสู่การมีชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเองจริงๆ
คนในโลกนี้มักมีชีวิตอยู่ด้วยบรรทัดฐานที่สังคม “ขีดเส้น” หรือ “วางกรอบ” เอาไว้ให้หมดแล้ว และด้วยเหตุดังนั้น เขาจึงเป็นแค่คนคนหนึ่งที่มีชีวิตแต่เหมือนไม่มีชีวิต วันแต่ละวันผ่านไปในกำมือของค่านิยมของสังคม ของคนอื่น หรือแม้กระทั่งคนบางคนสู้ทำทุกอย่างเพื่อให้คนทั้งโลกสมหวัง แต่กลับต้องผิดหวังกับตัวเอง เพราะเขาไม่เคยมีชีวิตอยู่อย่างที่ตัวเองต้องการจริงๆ แม้แต่เพียงวันเดียว
เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่ใครสักคนหนึ่ง เมื่อเกิดมาในโลกนี้แล้ว กลับมีชีวิตอยู่เหมือนคนที่ตายแล้ว หรือกลับมีชีวิตอยู่โดยที่ตัวเองแทบไม่เคยมีส่วนกำหนดชะตากรรมของตัวเองอย่างแท้จริง คนเหล่านี้บางคนจึงคอยเตือนตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอก ชาตินี้ ข้าพเจ้าขอทำเพื่อคนอื่น หากชาติหน้ามีจริง ค่อยทำทุกอย่างเพื่อตัวเองก็แล้วกัน คนที่คิดอย่างนี้ มีชีวิตอย่างนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะทุกข์ในชีวิตนี้เท่านั้น ต่อให้โลกหน้ามีจริงก็ต้องทุกข์อีก เพราะหากเขาไม่กล้าแม้แต่จะเป็นตัวของตัวเองในชีวิตนี้ ชาติหน้ามีหรือเขาจะกล้าเป็นตัวของตัวเองได้อีก เพราะชีวิตนี้เป็นชีวิตที่ “อยู่ในมือ” ของเขาเองจริงๆ มีเลือดมีเนื้อจริงๆ คุณก็ยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แล้วไยจะถวิลหาชีวิตที่ดีในโลกหน้า
จอห์น กริแชม รู้ดีว่าชีวิตที่แท้จริงนั้น ก็คือชีวิตที่ “ได้ใช้” ไม่ใช่ชีวิตที่มีผู้เขียนบทเอาไว้ให้แล้วเราต้องแสดงไปตามบทนั้นอย่างขาดชีวิตชีวา หรือไร้ความหมายไปจนตาย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ทางเบี่ยงแทนเส้นทางหลักเหมือนคนทั่วไปในสังคม
ทางหลักนั้นมีคนเดินกันขวักไขว่มากมายแน่นขนัด บนเส้นทางหลักจึงยากนักที่จะหาความสุขอันเป็นแก่นสารได้ นอกจากจะหาความสุขที่เป็นแก่นสารได้ยากยิ่งแล้ว เส้นทางหลักยังเต็มไปด้วยการ “แก่งแย่ง-แข่งขัน” และยังคงมี “สงครามใหญ่-สงครามย่อย” อีกนับไม่ถ้วน เวลาแต่ละวันของคนที่เดินอยู่บนเส้นทางหลัก จึงเป็นวันเวลาของความเครียด ความทุกข์ ความหนักอกหนักใจ ความอาฆาตพยาบาท ความอิจฉาริษยา ไม่จบสิ้น
เป็นเรื่องน่าเสียดายเหลือเกินที่คนจำนวนมากในโลกของเรายังคงพากันเลือกเดินบน “เส้นทางหลัก” และนั่นเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราทุกวันนี้ทำงานหนัก แต่มีความสุขน้อย ทุกข์ง่าย แต่สุขยาก เรียนสูง แต่มีคุณภาพชีวิตต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ
จอห์น กริแชม รู้ดีว่า “ยศ ทรัพย์ อำนาจ” คือความว่างเปล่า ไม่อาจให้ความสุขที่เป็นแก่นสารได้อย่างแท้จริง นี่จึงเป็นเหตุให้เขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่อย่างคนที่หันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้ แม้จะมีคนมองว่าเขาใฝ่ต่ำ แต่เขาก็ยิ้มรับอย่างรื่นรมย์ กริแชม มีเงินไม่ถึงแสนล้าน ไม่เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีของโลก แต่หากวัดกันด้วยปริมาณของความสุขในหัวใจ นาทีนี้เขาย่อมมีความสุขติดอันดับต้นๆ ของโลกคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ในเมืองไทยของเรา หากมีคน “ใฝ่ต่ำ” อย่าง จอห์น กริแชม กันบ้างสักสองสามคน คนไทยทั้งประเทศคงจะมีความสุขขึ้นมาอย่างทันตาเห็น ไม่รู้ว่านี่เป็นความคาดหวังที่สูงเกินไปหรือเปล่า ?
รายงานโดย :ว.วชิรเมธี
ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552
โพสต์ทูเดย์