Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

จอมเทพอักษราแห่งบูรพาทิศ ‘หวงอี้’

 

 
คนไทยที่ชอบอ่านนิยายจีนกำลังภายใน คงมีนักเขียนในดวงใจ อย่าง กิมย้ง หรือไม่ก็ โกวเล้ง หากปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การผุดขึ้นมาของนักเขียนนิยายจีนกำลังภายในร่วมสมัย นามว่า “หวงอี้” นั้น ก็สร้างสีสันอันคึกคักให้วงการสัประยุทธ์ได้มากทีเดียว สังเกตเห็นได้จากอาการ “ลงแดง” ของหลายๆ คนที่ไร้นิยายจีนเรื่องใหม่ๆ ให้อ่านก็นับว่า จอมเทพอักษราแห่งฮ่องกงผู้นี้มาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ 
 
หวงอี้ หรือในภาษาแต้จิ๋วที่คุ้นเคยในบ้านเราออกเสียงว่า อึ้งเอี๊ยะ เกิดที่ประเทศฮ่องกงในปี 1952 การพลิกผันตัวเองมาเป็นนักเขียนนั้น น่าจะมาจากธรรมชาติของตัวเขาเองที่เป็นนักอ่านตัวยง โดยสิ่งที่เขาสนใจอ่านมีตั้งแต่เรื่องของดาราศาสตร์ ไปจนถึงวิชาคอมพิวเตอร์ทีเดียว 
 
การเข้าสู่เส้นทางนักเขียนของหวงอี้นั้นเป็นเรื่องง่ายดายและเหลือเชื่อ ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานฮ่องกงอาร์ต ดีเวลลอปเมนต์ เคาน์ซิล ซึ่งเงินเดือนสูงทั้งตำแหน่งหน้าที่ก็มั่นคง ทว่าปลายปี 1986 เพียงอ่านเจอว่านิตยสารบู๊เฮียบสี่ก่าย หรือโลกแห่งยุทธจักร เปิดรับต้นฉบับจากนักเขียนหน้าใหม่ หวงอี้จึงเขียนนิยายกำลังภายในขนาดสั้นเรื่องหนึ่งส่งไป ผ่านไปเกือบ 8 เดือนกว่าจะได้รับการติดต่อกลับมา และเขาก็ตัดสินใจลาออกจากหน้าที่การงานที่มั่นคง หันมาเริ่มงานเขียนหนังสืออย่างจริงจัง 
 
ผลงานในยุคแรกๆ ของเขาค่อนข้างจะหวือหวาและเต็มไปด้วยบทอีโรติก ซึ่งเขาเคยบอกว่า เพราะต้องการจะดึงคนอ่านให้ติดนวนิยายของเขานั่นเอง แต่ในที่สุด หวงอี้ก็ค้นพบทางของตัวเขาเอง นั่นคือ การผสมผสานนิยายแนววิทยาศาสตร์เข้ากับนิยายกำลังภายใน ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ และฉุดกระแสตลาดนิยายกำลังภายในขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่เพียงเฉพาะที่ฮ่องกงบ้านเกิดของเขาเท่านั้น หากความนิยมยังขยายไปถึงกลุ่มคนอ่านหนังสือภาษาจีนในไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี รวมทั้งบ้านเรา ที่นิยายเรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” เป็นการแนะนำตัวให้ได้รู้จักกับเขา 
 
พล็อตเรื่องที่สลับซับซ้อน การวางจังหวะตัวละครอย่างลงตัว ให้ได้ลุ้นกันตลอดเรื่อง ก่อนจะจบลงอย่างสวยงาม นับเป็นจุดขายของเจาะเวลาหาจิ๋นซี และนิยายเรื่องต่อๆ มาของเขาด้วย อย่าง “มังกรคู่สู้สิบทิศ” สุดยอดมหากาพย์นิยายจีนกำลังภายในแห่งยุค ที่หวงอี้สรรค์สร้างตัวอักษรจีนกว่า 6 ล้านตัวอักษร นับว่าเป็นนิยายจีนกำลังภายในที่ยาวที่สุด ขนาด “มังกรหยก” ของกิมย้งต่อกัน 3 ภาคยังยาวไม่เท่า เรื่องนี้ยังทำสถิติติดอันดับหนังสือขายดียาวนานที่สุดในฮ่องกง 
 
หวงอี้เล่าระหว่างเดินทางมาประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ตลอด 5 ปี เขาไม่เคยเดินทางไปไหนเลย แต่ทำงานเขียนหนังสืออย่างเดียวที่บ้านในฮ่องกง โดยในการทำงานของเขาจะเขียนมือด้วยปากกา เช่นเดียวกับกิมย้งที่เขียนนิยายด้วยมือ เว้นแต่เมื่อต้องการพักผ่อนจากการเขียนหนังสือ จึงจะเปิดคอมพิวเตอร์เคาะคีย์บอร์ดเพื่อท่องโลกเป็นการผ่อนคลาย 
 
“เทพมารสะท้านภพ” ที่หวงอี้เขียนตั้งแต่ปี 1992 ด้วยความมุ่งมั่นจะให้หลุดจากรูปแบบของนิยายกำลังภายในรุ่นเก่าๆ ก่อให้เกิดเรื่องราวในท่วงทำนองใหม่ ที่สอดประสานตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และตัวละครที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นเองออกมาอย่างมีสีสันน่าติดตาม โดยไม่มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ 
 
อัจฉริยภาพของหวงอี้ในด้านนี้ ปรากฏใน “จอมคนแผ่นดินเดือด” อีกหนึ่งมหากาพย์นิยายจีนที่มีสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ ออกมาถึง 23 เล่มจบ เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์สุดอลังการ เค้าโครงเรื่องที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ สร้างกระแสความนิยมของหวงอี้ขึ้นอย่างมหาศาล กลายเป็นโรคติดงอมแงม หนังสือขายเกลี้ยงแผงต้องสั่งแล้วสั่งอีก 
 
หวงอี้เสริมว่า จอมคนแผ่นดินเดือดนับเป็นเรื่องยากเย็นที่สุดในชีวิตการเป็นนักเขียนของเขา เนื่องจากในช่วงแรกๆ ของการเขียนเรื่องนี้ เขายังรู้สึกติดอยู่กับสุดยอดนิยายของตัวเอง อย่าง มังกรคู่สู้สิบทิศ ก่อนจะสลัดหลุดจากเรื่องนั้นมาได้ ก็ปาเข้าไปเล่มที่ 4-5 แล้ว 
 
น.นพรัตน์ ผู้แปลแต่นิยายของหวงอี้ตลอด 7 ปี พูดถึงนักเขียนนิยายกำลังภายในแห่งศตวรรษที่ 21 ท่านนี้ว่า เป็นนักอ่านตัวยง นอกจากกิมย้งซึ่งเป็นฮีโร่ในใจของหวงอี้แล้ว ยังชื่นชมผลงานของซือหม่าหลิน นักเขียนชื่อดังชาวฮ่องกง ทั้งเขายังศึกษาศาสตร์อี้จิง และนำมาผสมผสานกันอย่างดีในนิยายแต่ละเรื่อง “นิยายของเขาสร้างปรากฏการณ์ให้เกิดในสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการค้นคว้า นำเอาประวัติศาสตร์มาใช้ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ” 
 
หวงอี้ขยายความว่า อี้จิง เป็นเรื่องของชะตาชีวิตซึ่งเป็นลิขิตของฟ้า ยากที่จะเปลี่ยนแปลง และในนวนิยายเรื่องใหม่ล่าสุด “ศึกรักแดนสนธยา” ซึ่ง น.นพรัตน์กำลังแปลอยู่นั้น ก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างโดดเด่น 
 
ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ผู้เป็นแฟนพันธุ์แท้นิยายหวงอี้ รวมทั้งยังเป็นบุคคลที่รบเร้าให้ น.นพรัตน์แปล “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” เป็นภาษาไทย ทั้งยังเป็นคนตั้งชื่อภาษาไทยให้เกือบทุกผลงานของหวงอี้ด้วย บอกว่า แต่เดิมคิดว่า มังกรคู่สู้สิบทิศ เป็นผลงานสุดยอดที่ตัวเองชอบมากที่สุด แต่พอได้อ่าน จอมคนแผ่นดินเดือด กับ ศึกรักแดนสนธยา (ฉบับภาษาจีน) เขาก็ยกให้ 2 เล่มหลังนี้เป็นสุดยอดในดวงใจตามลำดับ 1-2 ส่วนมังกรคู่ ตกไปอยู่อันดับ 3 
 
ระหว่างรอคอย ศึกรักแดนสนธยา ทางสยามอินเตอร์บุ๊คส์ ผู้ได้ลิขสิทธิ์แปลอย่างถูกต้อง ปล่อย “เทพทลายนภา” ผลงานนิยายกำลังภายในเล่มแรกของหวงอี้ พร้อมๆ กับ มังกรคู่สู้สิบทิศ เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ (20 เล่มจบ) ออกมากันอาการลงแดงของชาวหนอน 
 
สำหรับนิยายเล่มแรกของหวงอี้ เนื่องจากเป็นเล่มแรกในชีวิตที่เขียน เขาจึงใส่ทุกอย่างลงไปเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการต่อสู้ต่างๆ ซึ่งปรากฏในนิยายเล่มต่อๆ มาด้วย เช่น ม้วนภาพเทพสัประยุทธ์ (ซึ่งภาพสุดท้ายเป็นภาพทลายนภากาศ) คัมภีร์อสูรฟ้า ตำรากระบี่เมตไตรย วิชาอมตะ ฯลฯ รวมทั้งฉากบู๊สุดตระการตา 
 
ข่าวดีอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหวงอี้ก็คือ หลังจากศึกรักแดนสนธยาแล้ว เขายังไม่มีโครงการแขวนปากกาแต่อย่างใด 
 
เรื่อง ปณิตัส 
วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550 
โดย :โพสต์ ทูเดย์ — Post Today