มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

งานวิจัย : องค์ประกอบที่มีผลต่อการรับสารในบทกลอนถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

รติยา วิรุฬห์ลือชา  (2542) นิสิตปริญญาโท  คณะนิเทศศาสตร์  สาขาวิชาวาทวิทยา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่ององค์ประกอบที่มีผลต่อการรับสารในบทกลอนถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ทดลอง คือ นิสิตจำนวน 30 คน รับสารจากบทกลอน 12 สำนวน ด้วยวิธีการอ่านและการฟัง 4 รูปแบบคือ การอ่านในใจ, การอ่านออกเสียง, การฟังเสียงอ่านที่ระบุชื่อผู้ส่งสารที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และการฟังเสียงอ่านที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งสาร จากการวิเคราะห์เนื้อหา พบว่า คำกลอนที่ผู้รับสารระบุว่าทำให้เกิดความสะเทือนใจเป็นคำกลอนที่มีจินตภาพมากกว่าคำกลอนที่ไม่มีจินตภาพภาพ ประเภทของคำกลอนที่มีจินตภาพที่ผู้รับสารระบุว่าทำให้เกิดความสะเทือนใจมากที่สุด คือ อุปมาอุปไมย และอธิพจน์  และพบว่าช่องทางการสื่อสารที่ต่างกันคือการอ่านกับการฟัง, การอ่านในใจกับการอ่านออกเสียง และการฟังเสียงอ่านฟังเสียงอ่านทำนองเสนาะกับการฟังเสียงอ่านปกติ ทำให้เกิดความสะเทือนใจต่างกัน  แต่ไม่พบความแตกต่างระหว่างผู้ส่งสารและระหว่างตัวแปรส่วนบุคคล คือ การฟังเสียงอ่านที่ระบุชื่อผู้ส่งสารที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกับการฟังเสียงอ่านที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งสาร และผู้รับสารเพศชายกับผู้รับสารเพศหญิง 

รติยา วิรุฬห์ลือชา.  (2542).  องค์ประกอบที่มีผลต่อการรับสารในบทกลอนถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี.  วิทยานิพนธ์ นศ.ม. (วาทวิทยา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:รศ.อวยพร พานิช.

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เพื่อศึกษาถึงองค์ประกอบที่มีผลต่อการรับสาร โดยนำบทกลอนถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมาใช้เป็นกรณีศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ทดลอง คือ นิสิตจำนวน 30 คน รับสารจากบทกลอน 12 สำนวน ด้วยวิธีการอ่านและการฟัง 4 รูปแบบคือ การอ่านในใจ, การอ่านออกเสียง, การฟังเสียงอ่านที่ระบุชื่อผู้ส่งสารที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และการฟังเสียงอ่านที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งสาร

จากการวิเคราะห์เนื้อหา พบว่า คำกลอนที่ผู้รับสารระบุว่าทำให้เกิดความสะเทือนใจเป็นคำกลอนที่มีจินตภาพมากกว่าคำกลอนที่ไม่มีจินตภาพภาพ ประเภทของคำกลอนที่มีจินตภาพที่ผู้รับสารระบุว่าทำให้เกิดความสะเทือนใจมากที่สุด คือ อุปมาอุปไมย และอธิพจน์ 

 

ในส่วนของการทดลองโดยใช้ค่าทางสถิติ (ค่าที) ทดสอบความแตกต่างรายคู่ระหว่างค่าเฉลี่ยความสะเทือนใจ พบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างช่องทางการสื่อสารคือการอ่านกับการฟัง, การอ่านในใจกับการอ่านออกเสียง และการฟังเสียงอ่านฟังเสียงอ่านทำนองเสนาะกับการฟังเสียงอ่านปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างผู้ส่งสารและระหว่างตัวแปรส่วนบุคคล คือ การฟังเสียงอ่านที่ระบุชื่อผู้ส่งสารที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกับการฟังเสียงอ่านที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งสาร และผู้รับสารเพศชายกับผู้รับสารเพศหญิง