Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : สาระคำสอนในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดช่วงปี พ.ศ.2544-พ.ศ.2547

อนุสรา  ดีไหว้  (2552)  นิสิตปริญญาโท  สาขาวิชาภาษาไทย  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ได้ทำวิจัยเรื่องสาระคำสอนในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดช่วงปี พ.ศ.2544-พ.ศ.2547  โดยศึกษาจากวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด  จำนวน 7 เรื่อง  ผลการวิจัยพบว่า  สาระคำสอนที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดแบ่เงป็น 3 ประเภท  คือ  1. สาระคำสอนด้านคุณลักษณะเด็กและเยาวชนที่พึงประสงค์  ได้แก่   2. สาระคำสอนด้านการเรียนรู้ทางสังคม และ 3. สาระคำสอนด้านความสำคัญของครอบครัว  กลวิธีการนำเสนอสาระคำสอนที่ผู้เขียนวรรณกรรมเยาวชนนายอินทร์อะวอร์ดนิยมใช้ในวรรณกรรม  แบ่งเป็น 5 ประเภท  คือ 1. กลวิธีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ประกอบ 2. กลวิธีการตั้งคำถาม 3. กลวิธีการแสดงผลของการกระทำ  4. กลวิธีการสร้างอารมณ์ขัน รวมถึง 5. กลวิธีการสร้างความสงสัยใคร่รู้ คุณค่าที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ  คือ  1. คุณค่าต่อเยาวชนผู้อ่าน  ได้แก่  คุณค่าด้านสังคม  ประกอบด้วยการปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์แก่เด็กและเยาวชน  รวมทั้งคุณค่าด้านภาษา  ได้แก่  การเรียนรู้ลักษณะภาษาถิ่น  และการใช้โวหารที่เหมาะสม  2. คุณค่าต่อวงการวรรณกรรมเยาวชนของไทย  กล่าวคือ  การจัดประกวดรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดทำให้เกิดนักเขียนหน้าใหม่ในวงการวรรณกรรมเยาวชนของไทยมากขึ้น  และช่วยกระตุ้นให้เกิดวรรณกรรมที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นด้วย

อนุสรา  ดีไหว้.  (2552).  สาระคำสอนในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดช่วงปี พ.ศ.2544-พ.ศ.2547.  ปริญญานิพนธ์ ศศ.ม. (ภาษาไทย).  กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.  คณะกรรมการควบคุม :  อาจารย์อัจฉรา  ประดิษฐ์.

ปริญญานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสาระคำสอน  กลวิธีการนำเสนอสาระคำสอน  และคุณค่าที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดช่วงปี พ.ศ.2544-พ.ศ.2547  โดยศึกษาจากวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด  จำนวน 7 เรื่อง  ได้แก่  เด็กหญิงนางฟ้า  ส้มสีม่วง  ปราสาทกระต่าย  ครุฑน้อย  เจ้าชายไม่วิเศษ  เด็กหญิงสวนกาแฟ  และมัจฉานุผจญภัย

ผลการศึกษาพบว่า  สาระคำสอนที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดแบ่เงป็น 3 ประเภท  คือ  1. สาระคำสอนด้านคุณลักษณะเด็กและเยาวชนที่พึงประสงค์  ได้แก่  การรู้จักเคารพสิทธิผู้อื่น  การมีวุฒิภาวะทางอารมณ์  การมีจริยธรรมคุณธรรม  การมีความรับผิดชอบตามวัย  การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลรอบด้าน  และการรู้จักช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส  2. สาระคำสอนด้านการเรียนรู้ทางสังคม  ประกอบด้วย  การยอมรับสภาพความเป็นจริงในสังคม  การเรียนรู้พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของบุคคลในสังคม  และการจัดการกับปัญหา  และ 3. สาระคำสอนด้านความสำคัญของครอบครัว  ได้แก่  ความรักความผูกพันในครอบครัว  และบทบาทหน้าที่สมาชิกในครอบครัว

กลวิธีการนำเสนอสาระคำสอนที่ผู้เขียนวรรณกรรมเยาวชนนายอินทร์อะวอร์ดนิยมใช้ในวรรณกรรม  แบ่งเป็น 5 ประเภท  คือ 1. กลวิธีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ประกอบ  ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันและเหตุการณ์สมมติ  2. กลวิธีการตั้งคำถาม  ได้แก่  การตั้งคำถามเพื่อตอบข้อสงสัยในบทสนทนา  การตั้งคำถามเพื่อสร้างความรู้สึกร่วมของผู้อ่าน  3. กลวิธีการแสดงผลของการกระทำ  4. กลวิธีการสร้างอารมณ์ขัน  ประกอบด้วย  กลวิธีการยั่วล้อ  กลวิธีการเขียนล้อวรรณกรรม  และกลวิธีการใช้ภาษา  รวมถึง 5. กลวิธีการสร้างความสงสัยใคร่รู้

คุณค่าที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ  คือ  1. คุณค่าต่อเยาวชนผู้อ่าน  ได้แก่  คุณค่าด้านสังคม  ประกอบด้วยการปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์แก่เด็กและเยาวชน  การให้ความรู้ด้านสังคม  และการสร้างจิตสำนึกด้านความสำคัญของครอบครัว  รวมทั้งคุณค่าด้านภาษา  ได้แก่  การเรียนรู้ลักษณะภาษาถิ่น  และการใช้โวหารที่เหมาะสม  2. คุณค่าต่อวงการวรรณกรรมเยาวชนของไทย  กล่าวคือ  การจัดประกวดรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดทำให้เกิดนักเขียนหน้าใหม่ในวงการวรรณกรรมเยาวชนของไทยมากขึ้น  และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดวรรณกรรมที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นด้วย