มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

งานวิจัย : ผลของการใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนาที่มีต่อความสามารถในการอ่านบังเทิงคดีภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

 

ภัทราภรณ์ จูฬะปิตะ (2545) นิสิตปริญญาโท  คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาการสอนภาษาไทย  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่องผลของการใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนาที่มีต่อความสามารถในการอ่านบังเทิงคดีภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ปีการศึกษา 2544 จำนวน 2 ห้อง ห้องละ 40 คน กำหนดให้ห้องหนึ่งเป็นกลุ่มทดลอง สอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนา และอีกห้องหนึ่งเป็นกลุ่มควบคุม สอนอ่านโดยวิธีสอนแบบปกติ ผลการวิจัยพบว่า  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนา มีความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีภาษาไทยสูงกว่าก่อนการทดลองสอน  และสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านด้วยวิธีปกติ  

ภัทราภรณ์ จูฬะปิตะ.  (2545).  ผลของการใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนาที่มีต่อความสามารถในการอ่านบังเทิงคดีภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3.  วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การสอนภาษาไทย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:ผศ.ดร.กมลพร บัณฑิตยานนท์.

 

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังการสอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนา 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีภาษาไทย ระหว่างนักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนาและนักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านด้วยวิธีปกติ ตัวอย่างประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ปีการศึกษา 2544 ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 2 ห้อง ห้องละ 40 คน กำหนดให้ห้องหนึ่งเป็นกลุ่มทดลอง สอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนา และอีกห้องหนึ่งเป็นกลุ่มควบคุม สอนอ่านโดยวิธีสอนแบบปกติ ผู้วิจัยดำเนินการสอนทั้งสองกลุ่มด้วยตนเอง ใช้เวลาสอนกลุ่มละ2 คาบต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ 

 

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่แบบสอบวัดความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีภาษาไทย วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่ามัชฌิมเลขคณิต(X) ค่ามัชฌิมเลขคณิตคิดเป็นร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบค่าที (t-test) 

 

ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 

  1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนา มีความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีภาษาไทยสูงกว่าก่อนการทดลองสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองสอนร้อยละ 15.63 
  2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสนทนามีความสามารถในการอ่านบันเทิงคดีสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนอ่านด้วยวิธีปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05