งานวิจัย : ผลของการใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมี วิจารณญาณและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษา อังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ
ธิดารัตน์ สมานพันธ์ (2549) นิสิตปริญญาเอก สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำวิจัยเรื่อง ผลของการใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จำนวน 60คน และครูสอนภาษาอังกฤษ จำนวน 15 คน การวิจัยแบ่งเป็น 3ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาปัญหาและความต้องการการจัดการเรียนการสอนใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจ ระยะที่ 2 การวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการสอนใช้การวิจัยเชิงปฎิบัติการ ระยะที่ 3 การศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนใช้การวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง ผลจากการใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ พบว่านักเรียนมีคะแนนความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีคะแนนผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ70)
ธิดารัตน์ สมานพันธ์. (2549). ผลของการใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมี วิจารณญาณและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษา อังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ.วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลัก สูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ :รองศาสตราจารย์ ดร. สุลัดดา ลอยฟ้า, รองศาสตราจารย์ ดร. กิ่งฟ้า สินธุวงษ์, รองศาสตราจารย์ อรพิน พจนานนท์.
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ และศึกษาผลของรูปแบบการสอนต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ การวิจัยแบ่งเป็น 3ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาปัญหาและความต้องการการจัดการเรียนการสอนใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2547 จำนวน 60คน และครูสอนภาษาอังกฤษ จำนวน 15 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและความต้องการการจัดการเรียนการสอนอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ และการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 2 การวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบการสอนใช้การวิจัยเชิงปฎิบัติการ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2547 จำนวน 20 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ และแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนการสอน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 3 การศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนใช้การวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548 จำนวน 65 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และวิเคราะห์เนื้อหาเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณก่อนและหลังการทดลองใช้สถิติทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ มีองค์ประกอบที่สำคัญที่มีความสัมพันธ์กันได้แก่หลักการและแนวคิดที่สำคัญในการพัฒนารูปแบบการสอนเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายของรูปแบบการสอน ขอบข่ายเนื้อหาและทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณประกอบด้วย (1) การเลือกบทอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียน (2) การสนับสนุนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ (3) การจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง (4) การใช้คำถามอย่างสร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น (5) การให้ผู้เรียนได้ประเมินความรู้และความคิดของตนเองเกี่ยวกับบทเรียน
จากการศึกษาผลจากการใช้รูปแบบการสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ พบว่านักเรียนมีคะแนนความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีคะแนนผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด (ร้อยละ70)