มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

งานวิจัย : ความคิดเห็นของผู้อ่านที่มีต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวัน

อนุตาร์  นุ่มนวล (2550)  นิสิตปริญญาโท  คณะวารสารศาสตร์  สาขาวิชาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ศึกษาความคิดเห็นของผู้อ่านที่มีต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวัน  โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้อ่านหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป  จำนวน 400 คน ผลการวิจัยพบว่า  กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยมากที่สุดกับการนำเสนอเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังประเด็นผลงานต่างๆ ทั้งวงการเพลง  วิทยุ  โทรทัศน์  และภาพยนตร์  รูปแบบการนำเสนอบทความหรืองานเขียนที่มีขึ้นพิเศษที่มีขึ้นเฉพาะบางวัน  เช่น  วันเสาร์-อาทิตย์  หรือช่วงที่มีกระแสนิยมใหม่  รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในสังคม  ในทางกลับกันจะเห็นด้วยน้อยที่สุดกับประเด็นการนำเสนอข่าวการเป็นทอม  เป็นดี้  เป็นกระเทย  เป็นเกย์  ของบุคคลในวงการบันเทิง  และรูปแบบการนำเสนอภาพปลุกปล้ำ  กอดจูบ  มาประกอบ  ในคอลัมน์เบื้องหลังละคร  ภาพยนตร์  มิวสิควิดีโอ  ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยเป็นอย่างมากว่าหน้าบันเทิงสามารถให้ความบันเทิง  ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี  การนำเสนอมีความสด  ทันสมัย  ทันต่อเหตุการณ์  นอกจากนี้  ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีระดับอายุต่างกันจะมีความคิดเห็นต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันแตกต่างกัน  ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษา  อาชีพ  รายได้  และระยะเวลาที่ติดตามต่างกันจะมีความคิดเห็นต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันไม่แตกต่างกัน 

อนุตาร์  นุ่มนวล.  (2550).  ความคิดเห็นของผู้อ่านที่มีต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวัน.  วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. (สื่อสารมวลชน). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.  คณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : รองศาตราจารย์ ดร.สมาน  งามสนิท, รองศาตราจารย์ ดร.วิษณุ  สุวรรณเพิ่ม  และอาจารย์สมภพ  โรจนพันธ์.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาลักษณะประชากรของผู้อ่านหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวัน 2. ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารของผู้อ่านที่มีต่อหน้าบันเทิง  3. ศึกษาความคิดเห็นของผู้อ่านที่มีต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวัน  กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้อ่านหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป  จำนวน 400 คน 

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา  ได้แก่  การแจกแจงความถี่  ค่าร้อยละ  ค่าเฉลี่ย  ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และเสนอผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัยด้วยสถิติอ้างอิง  ได้แก่  การวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยสำหรับประชากรสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (t-test)  การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – Way ANOVA) และการเป็นรายคู่ด้วยการเปรียบเทียบพหุคูณ (multiple  comparisons)

ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้

กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยมากที่สุดกับการนำเสนอเรื่องราวของผู้อยู่เบื้องหลังประเด็นผลงานต่างๆ ทั้งวงการเพลง  วิทยุ  โทรทัศน์  และภาพยนตร์  รูปแบบการนำเสนอบทความหรืองานเขียนที่มีขึ้นพิเศษที่มีขึ้นเฉพาะบางวัน  เช่น  วันเสาร์-อาทิตย์  หรือช่วงที่มีกระแสนิยมใหม่  รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในสังคม  ในทางกลับกันจะเห็นด้วยน้อยที่สุดกับประเด็นการนำเสนอข่าวการเป็นทอม  เป็นดี้  เป็นกระเทย  เป็นเกย์  ของบุคคลในวงการบันเทิง  และรูปแบบการนำเสนอภาพปลุกปล้ำ  กอดจูบ  มาประกอบ  ในคอลัมน์เบื้องหลังละคร  ภาพยนตร์  มิวสิควิดีโอ  ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยเป็นอย่างมากว่าหน้าบันเทิงสามารถให้ความบันเทิง  ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี  การนำเสนอมีความสด  ทันสมัย  ทันต่อเหตุการณ์

ผลการทดสอบสมมติฐานเพื่อหาค่าความแตกต่างของตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้  พบว่า  กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับอายุต่างกันจะมีความคิดเห็นต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันแตกต่างกัน  ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษา  อาชีพ  และรายได้ต่างกันจะมีความคิดเห็นต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันไม่แตกต่างกัน  นอกจากนี้พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีระยะเวลาที่ติดตามต่างกันจะมีความคิดเห็นต่อหน้าบันเทิงในหนังสือพิมพ์รายวันไม่แตกต่างกัน