งานวิจัย : การเปิดรับหนังสือพิมพ์และโลกทัศน์ต่อตนเองและสังคม
ยุติ ปิ่นวิเศษ (2544) นิสิตปริญญาโท สาขาวารสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำวิจัยเรื่อง การเปิดรับหนังสือพิมพ์และโลกทัศน์ต่อตนเองและสังคม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน คือข้อมูลทางประชากร พฤติกรรมการใช้สื่อ และทัศนะที่มีต่อตนเองและโลกภายนอก โดยดำเนินการวิจัยด้วยการใช้แบบสอบถามเพื่อวัดทัศนะ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 384 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไม่มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ติดตามอ่านหนังสือพิมพ์ 2) การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไม่มีความสัมพันธ์กับปริมาณการอ่านหนังสือพิมพ์ 3) ประเภทเนื้อหาที่เปิดรับต่างกัน ไม่ทำให้เกิดการปลูกฝังโลกทัศน์และภาวะไร้บรรทัดฐานในระดับที่ต่างกัน
ยุติ ปิ่นวิเศษ. (2544).การเปิดรับหนังสือพิมพ์และโลกทัศน์ต่อตนเองและสังคม. วิทยานิพนธ์ นศ.ม. (วารสารสนเทศ). กรุงเทพฯ :บัณทิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อาจารย์ที่ปรึกษา:อาจารย์ ดวงกมล ชาติประเสริฐ
การวิจัยเรื่องการเปิดรับหนังสือพิมพ์และโลกทัศน์ต่อตนเองและสังคม เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ด้วยเทคนิควิธีวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการอ่านหนังสือพิมพ์กับสภาพทางจิตของคนไทยในสองด้านคือ มุมมองต่อสังคมจากการปลูกฝังโลกทัศน์ และมุมมองต่อตนเองจากภาวะไร้บรรทัดฐาน โดยศึกษาผลเปรียบเทียบกับพฤติกรรมการอ่านหนังสือพิมพ์และประเภทของเนื้อหาที่เลือกรับ
ทั้งนี้ได้มีการตั้งสมมติฐานการวิจัยไว้ดังนี้ 1. การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์แปรผันตามระยะเวลาที่ติดตามอ่านหนังสือพิมพ์ 2. การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์แปรผันตามปริมาณการอ่านหนังสือพิมพ์ 3. ประเภทเนื้อหาที่เปิดรับต่างกัน ทำให้เกิดการปลูกฝังโลกทัศน์และภาวะไร้บรรทัดฐานในระดับที่ต่างกัน
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน คือข้อมูลทางประชากร พฤติกรรมการใช้สื่อ และทัศนะที่มีต่อตนเองและโลกภายนอก โดยดำเนินการวิจัยด้วยการใช้แบบสอบถามเพื่อวัดทัศนะ โดยวิธีการสุ่มตัวอย่าง จำนวน 384 คน และมีสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐานคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์ความแปรปรวนของค่าเฉลี่ยแบบทิศทางเดียว (One-Way ANOVA) เพื่อพิสูจน์ค่าความสัมพันธ์ตามสมมติฐาน
ผลการวิจัยเป็นดังนี้
-
การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไม่มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ติดตามอ่านหนังสือพิมพ์
-
การปลูกฝังโลกทัศน์กับภาวะไร้บรรทัดฐานในผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไม่มีความสัมพันธ์กับปริมาณการอ่านหนังสือพิมพ์
-
ประเภทเนื้อหาที่เปิดรับต่างกัน ไม่ทำให้เกิดการปลูกฝังโลกทัศน์และภาวะไร้บรรทัดฐานในระดับที่ต่างกัน