Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การเปรียบเทียบกลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีความสามารถในการอ่านแตกต่างกัน

พรรณทิพย์ ต้นเถา (2539) นิสิตปริญญาโท  คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาการสอนภาษาไทย  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบกลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ที่มีความสามารถในการอ่านแตกต่างกัน  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 478 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีความสามารถสูง ปานกลาง และต่ำ โดยการจัดตำแหน่งแบบเปอร์เซ็นไทล์ ผลการวิจัยพบว่า  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใช้กลวิธีในการอ่านตีความในระดับน้อย เมื่อพิจารณากลวิธีแต่ละด้านพบว่าใช้กลวิธีด้านการใช้เทคนิคต่าง ๆ ช่วยในการอ่าน อยู่ในระดับมาก แต่ใช้กลวิธีด้านการทำให้เกิดกระจ่างชัดและเข้าใจง่ายในการอ่าน ด้านการค้นหาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่อง และด้านการตรวจสอบความเข้าใจ อยู่ในระดับน้อย  สำหรับการใช้กลวิธีด้านการใช้เทคนิคต่าง ๆ ช่วยในการอ่าน ระหว่างกลุ่มที่มีความสามารถสูงและต่ำ แตกต่างกัน  แต่การใช้กลวิธีด้านการทำให้เกิดความกระจ่างชัดและเข้าใจง่ายในการอ่านด้านการค้นหาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่อง และด้านการตรวจสอบความเข้าใจของทั้ง 3 กลุ่มไม่แตกต่างกัน

พรรณทิพย์ ต้นเถา.  (2539).  การเปรียบเทียบกลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ที่มีความสามารถในการอ่านแตกต่างกัน.  วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การสอนภาษาไทย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:รศ.สายใจ อินทรัมพรรย์.

 

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษากลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทย และเพื่อเปรียบเทียบการใช้กลวิธีในการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีความสามารถในการอ่านแตกต่างกัน ตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 478 คน ผู้วิจัยสร้างแบบวัดความสามารถในการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยขึ้น 1 ฉบับ ซึ่งมีค่าความเที่ยง0.83 นำมาทดสอบกลุ่มตัวอย่างประชากร แล้วแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มที่มีความสามารถสูง ปานกลาง และต่ำ โดยการจัดตำแหน่งแบบเปอร์เซ็นไทล์ ได้นักเรียนกลุ่มที่มีความสามารถสูง 148 คน กลุ่มปานกลาง 185 คน และกลุ่มต่ำ 145 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามการใช้กลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองภาษาไทยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นซึ่งมีค่าความเที่ยง 0.78 ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามมาหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและเปรียบเทียบการใช้กลวิธีการอ่านตีความบทร้อยกรองของนักเรียนทั้ง 3 กลุ่ม ด้วยวิธีการทดสอบค่าเอฟ (F-test) 

 

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 

  1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใช้กลวิธีในการอ่านตีความในระดับน้อย เมื่อพิจารณากลวิธีแต่ละด้านพบว่าใช้กลวิธีด้านการใช้เทคนิคต่าง ๆ ช่วยในการอ่าน อยู่ในระดับมาก แต่ใช้กลวิธีด้านการทำให้เกิดกระจ่างชัดและเข้าใจง่ายในการอ่าน ด้านการค้นหาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่อง และด้านการตรวจสอบความเข้าใจ อยู่ในระดับน้อย 
  2. การใช้กลวิธีด้านการใช้เทคนิคต่าง ๆ ช่วยในการอ่าน ระหว่างกลุ่มที่มีความสามารถสูงและต่ำ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่การใช้กลวิธีด้านการทำให้เกิดความกระจ่างชัดและเข้าใจง่ายในการอ่านด้านการค้นหาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่อง และด้านการตรวจสอบความเข้าใจของทั้ง 3 กลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05