งานวิจัย : การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหม
ปิยรัตน์ จินารัตน์(2544) นิสิตปริญญาโท คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ระหว่างกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมาย และวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยจำนวน 88 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายจำนวน 44 คน และกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน จำนวน 44 คน ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายและวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจไม่แตกต่างกัน แต่มีความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษและมีความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่ได้เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน
ปิยรัตน์ จินารัตน์. (2544). การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ระหว่างกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมาย และวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การสอนภาษาอังกฤษ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อาจารย์ที่ปรึกษา:อ.สุจิตรา สวัสดิวงษ์.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายและวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน กลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยจำนวน 88 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายจำนวน 44 คน และกลุ่มที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน จำนวน 44 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) เอกสารเพื่อการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 2) แบบฝึกความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษท้ายชั่วโมง 3) แบบสอบวัดความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.86 ค่าระดับความยากอยู่ในช่วง 0.26-0.67และค่าอำนาจจำแนกอยู่ในช่วง 0.22-0.65 4) แบบสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ที่มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.86 ค่าระดับความยากอยู่ในช่วง 0.31-0.80และค่าอำนาจจำแนกอยู่ในช่วง 0.21-0.52 วิเคราะห์ข้อมูลโดยทดสอบความแตกต่างของค่ามัชฌิมเลขคณิตด้วยค่าที (t-test) วิเคราะห์ความแปรปรวน (One-way Analysis ofVariance) และเปรียบเทียบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีการของเชฟเฟ (ScheffeMethod)
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายและวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษ สูงกว่านักเรียนที่ได้เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์เป้าหมายมีความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สูงกว่านักเรียนที่ได้เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีเน้นคำศัพท์ที่ปรากฏในบทอ่าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05