Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณณาณ โดยใช้นิทาน พื้นบ้านอีสานเป็นสื่อในการสอนอ่าน สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอุดรธานีพิทยาคม จังหวัดอุดรธานี

 

ปัจฉิมาพร อัปการัตน์ (2540)  นิสิตปริญญาโท  สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน     มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  ได้ทำการวิจัยเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณณาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสานเป็นสื่อในการสอนอ่านสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอุดรธานีพิทยาคม จังหวัดอุดรธานี  กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน ดำเนินการสอนกลุ่มทดลอง 10 ครั้ง โดยใช้แบบฝึกที่สร้างขึ้นจากนิทานพื้นบ้านอีสานส่วนกลุ่มควบคุมสอนโดยวิธีปกติ 10 ครั้ง เช่นเดียวกัน ผลการวิจัยพบว่า  ค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกัน

ปัจฉิมาพร อัปการัตน์.  (2540).  การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณณาณ โดยใช้นิทาน พื้นบ้านอีสานเป็นสื่อในการสอนอ่าน สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่2 โรงเรียนอุดรธานีพิทยาคม จังหวัดอุดรธานี.  วิทยานิพนธ์ กศ.ม.(หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.  อาจารย์ที่ปรึกษา: รศ.นภาลัย สุวรรณธาดา  รศ.ดร.สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์  ผศ.ดร.ทวี นาคบุตร.

 

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ เปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ของคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียน ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2539 โรงเรียนอุดรธานีพิทยาคม จังหวัดอุดรธานี จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน นักเรียนทั้งสองกลุ่มมีคะแนนการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณก่อนเรียนไม่แตกต่างกันที่ระดับ .01 วิธี ดำเนินการ คือ ดำเนินการสอนกลุ่มทดลอง 10 ครั้ง โดยใช้ แบบฝึกที่สร้างขึ้นจากนิทานพื้นบ้านอีสานส่วนกลุ่มควบคุมสอน โดยวิธีปกติ 10 ครั้ง เช่นเดียวกัน แล้วจึงทำการทดสอบ หลังเรียน นักเรียนทั้งสองกลุ่ม 

 

ผลการวิจัยปรากฎว่า  ค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ใน การอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียน ระหว่างกลุ่มทดลองและ กลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01