Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

จิตรลดา ไมตรีจิตต์. (2549).นิสิตปริญญาโท สาขาการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดยจำแนกตามเพศ ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 200 คน ผลวิจัยพบว่า 1. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 โดยนักเรียนหญิงมีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับสูง ในขณะที่นิสัยรักการอ่านของนักเรียนชายอยู่ในระดับปานกลาง 2. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน และที่มีผู้ปกครองมีระดับการศึกษาต่างกัน มีระดับนิสัยรักการอ่านไม่แตกต่างกัน โดยมีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง

จิตรลดา ไมตรีจิตต์. (2549). การศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ์ กศ.ม. (การวัดผลการศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.นิคม ตังคะพิภพ.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบนิสัยรักการอา่ นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สำนักงานเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดยจำแนกตามเพศ ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง จากกลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสุ่มแบบสองขั้นตอน จำนวน 200 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามนิสัยรักการอ่าน ที่ใช้ถามนักเรียนเกี่ยวกับนิสัยรักการอ่านจากการรายงานตนเอง และการประเมินนิสัยรักการอ่านของนักเรียนที่ได้จากการสังเกตของครูประจำชั้น หลังจากตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลแล้ว ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติการประมาณค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์ความแปรปรวนสามทาง (Three – Way ANOVA)

ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้

  1. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนหญิงและชายแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ทั้งจากผลการรายงานตนเองของนักเรียน และผลจากการประเมินของครู โดยนักเรียนหญิงมีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับสูง ในขณะที่นิสัยรักการอ่านของนักเรียนชายอยู่ในระดับปานกลาง
  2. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน และที่มีผู้ปกครองมีระดับการศึกษาต่างกัน มีระดับนิสัยรักการอ่านไม่แตกต่างกัน โดยมีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง
  3. มีผลปฏิสัมพันธ์ที่เกิดจากการส่งผลร่วมกันของตัวแปรเพศ และระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากการวิเคราะห์ผลการรายงานตนเองเพียงชุดเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นไม่พบผลปฏิสัมพันธ์ของชุดใด ๆ เลย ทั้งผลปฏิสัมพันธ์แบบ 2 และ 3 ทาง (2 and 3 way interaction effects)