Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนเผ่าม้งชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 3 จังหวัดตาก

เครือวัลย์  ขันทอง (2546) นักศึกษาปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาวิจัยและสถิติการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำวิจัยเรื่อง การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนเผ่าม้งชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 3จังหวัดตาก กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 31 คน เวลาที่ใช้สอนทั้งหมด 72 คาบ (24 ชั่วโมง) สำหรับขั้นตอนในการจัดการเรียนการสอนได้ใช้รูปแบบกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนของ ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนมีการพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาไทยและมีพฤติกรรมการเรียนภาษาไทยอย่างเหมาะสม รวมทั้งครูผู้สอนภาษาไทยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนภาษาไทยของตนเองอย่างเหมาะสม

เครือวัลย์  ขันทอง. (2546).การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนเผ่าม้งชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 3จังหวัดตาก.วิทยานิพนธ์  ศศ.ม.(วิจัยและสถิติการศึกษา) เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์: รองศาสตราจารย์ ดร. กิตติพร  ปัญญาภิญโญผล, รองศาสตราจารย์วีณา  วโรตมะวิชญ, รองศาสตราจารย์ กนกทิพย์  พัฒนาพัวพันธ์

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนพัฒนานักเรียนเผ่าม้งชั้นประถมศึกษาปีที่ 4ในด้านต่างๆ คือ 1)  ความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย 2)  เจตคติที่มีต่อการเรียนภาษาไทย 3)  พฤติกรรมการเรียนภาษาไทย 4)  พฤติกรรมการสอนภาษาไทยของครู กลุ่มเป้าหมายที่ศึกษาในครั้งนี้คือ นักเรียนเผ่าม้งชั้นประถมศีกษาปีที่ 4โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 3สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอพบพระ จังหวัดตาก จำนวน 31 คน ในภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2545เวลาที่ใช้สอนทั้งหมด 72 คาบ (24 ชั่วโมง)

สำหรับขั้นตอนในการจัดการเรียนการสอนได้ใช้รูปแบบกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนของ กิตติพร  ปัญญาภิญโญผล(2540) ซึ่งมี 3 ขั้นตอนคือ ขั้นวางแผน ขั้นดำเนินการเรียนการสอนควบคู่กับกระบวนการวิจัย และขั้นทบทวนและประเมินวงจรเพื่อปรับแผน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1เครื่องมือที่ใช้ในการสอน ได้แก่ 1)  แผนการจัดการเรียนรู้ 2)  สื่อและอุปกรณ์การสอน 3)  แบบฝึกทักษะการอ่าน ส่วนที่ 2เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1)  แบบทดสอบ 2)  แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียน 3)  แบบบันทึกผลการสอน 4)  แบบบันทึกความก้าวหน้าทางการเรียน 5)  แบบบันทึกข้อมูลนักเรียน 6)  แบบบันทึกผลการเรียน 7)  แบบสอบถามเมื่อจบเนื้อหา 8)  การเขียนเรียงความ ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง และวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้การแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ซึ่งผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

นักเรียนมีการพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาไทยและมีพฤติกรรมการเรียนภาษาไทยอย่างเหมาะสม รวมทั้งครูผู้สอนภาษาไทยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนภาษาไทยของตนเองอย่างเหมาะสม