การใช้สารที่เกี่ยวข้องกับการละเล่นของเด็กไทยพัฒนาการอ่านสรุปความสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
สุภาพรรณ รักกะเปา (2546) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการวิจัยเรื่องการใช้สารที่เกี่ยวข้องกับการละเล่นของเด็กไทยพัฒนาการอ่านสรุปความสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร กลุ่มตัวอย่างมี จำนวน 60 คน ซึ่งแบ่งตามความสามารถทางภาษาไทยเป็นกลุ่มสูง กลุ่มกลาง และกลุ่มต่ำ โดยใช้แบบทดสอบวุฒิปัญญาเป็นเครื่องวัด ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนกลุ่มสูง กลาง และต่ำ ที่เรียนโดยใช้สารการละเล่นของเด็กไทยมีพัฒนาการในการอ่านสรุปความสูงขึ้น 2. ค่าเฉลี่ยของคะแนนจิตพิสัยและทักษะพิสัยของนักเรียนกลุ่มสูง กลาง และต่ำอยู่ในระดับดี 3. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านสรุปความระหว่างคะแนนหลังเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สุภาพรรณ รักกะเปา. (2546). การใช้สารที่เกี่ยวข้องกับการละเล่นของเด็กไทยพัฒนาการอ่านสรุปความสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. (ศึกษาศาสตร์-การสอน). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ประธานกรรมการที่ปรึกษา : รองศาสตราจารย์สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพัฒนาการในการอ่านสรุปความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีระดับความสามารถทางภาษาไทย สูง กลาง ต่ำ ที่อ่านสารเกี่ยวกับการละเล่นเด็กไทย โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร 2) ศึกษาจิตพิสัยและทักษะพิสัยในการอ่านสรุปความของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านสรุปความระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียนของนักเรียนในกลุ่มดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 60 คน โรงเรียนวัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2545 ซึ่งแบ่งตามความสามารถทางภาษาไทยเป็นกลุ่มสูง กลุ่มกลาง และกลุ่มต่ำ โดยใช้แบบทดสอบวุฒิปัญญาเป็นเครื่องวัด
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
- 1. นักเรียนกลุ่มสูง กลาง และต่ำ ที่เรียนโดยใช้สารการละเล่นของเด็กไทยมีพัฒนาการในการอ่านสรุปความสูงขึ้น
- 2. ค่าเฉลี่ยของคะแนนจิตพิสัยและทักษะพิสัยของนักเรียนกลุ่มสูง กลาง และต่ำอยู่ในระดับดี
- 3. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านสรุปความระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน