การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
สุรีย์มาศ บุญรุ่งโรจน์ (2544) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำการวิจัยเรื่องการพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2544 โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 53 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียน ครู ต้องการให้มีการพัฒนาแบบฝึกที่มีสาระหลากหลาย เกี่ยวกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นิทาน ประเพณีวัฒนธรรม บทร้อยกรอง แบบฝึกควรมีภาพประกอบ และให้ครูเป็นผู้สอนพร้อมแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ 2) แบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญมีประสิทธิภาพ 82.17/85.00 3) เรียนนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน นักเรียนมีความคิดเห็นในระดับเห็นด้วยอย่างมากกับแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ คือ ด้านภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและมีสีสวยงาม ด้านวิธีการเรียนมีความสนุกสนานและทำให้ตั้งใจเรียน และต้องการให้พัฒนาทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะการเขียน ทักษะการฟังและทักษะการพูด และควรพัฒนาแบบฝึกในรายวิชาอื่นๆ ควรมีการปรับปรุงกิจกรรมการเรียนการสอนโดยไม่ต้องทบทวนสิ่งที่เรียนไปแล้วทุกครั้งและเปลี่ยนตัวอักษรให้มีความหลากหลาย
สุรีย์มาศ บุญรุ่งโรจน์. (2544). การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (หลักสูตรและการนิเทศ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. อาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ : อาจารย์ ดร.มาเรียม นิลพันธุ์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร ร่วมสุข และ อาจารย์ ดร.วัชรา เล่าเรียนดี.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพแบบฝึก 3) ทดลองใช้ 4) ประเมินและปรับปรุงแก้ไข กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2544 โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 53 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ แผนการสอน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความคิดเห็น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสถิติ t-test แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานพบว่า นักเรียน ครู ต้องการให้มีการพัฒนาแบบฝึกที่มีสาระหลากหลาย เกี่ยวกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นิทาน ประเพณีวัฒนธรรม บทร้อยกรอง แบบฝึกควรมีภาพประกอบ และให้ครูเป็นผู้สอนพร้อมแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
2. ผลการศึกษาแบบฝึกพบว่า แบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญประกอบด้วย คำชี้แจง วัตถุประสงค์ แผนการเรียนรู้ ใบความรู้ ใบงาน แบบประเมินตนเอง แบบฝึกการอ่านทั้งหมด 6 แบบฝึก คือ การเลือกใจความสำคัญจากรูปภาพ การฝึกตั้งคำถามจากข้อความ การจับใจความสำคัญจากข้อความ การตั้งชื่อเรื่อง การเลือกใจความสำคัญของข้อความและเรื่อง และการสรุปใจความสำคัญของเรื่อง และแบบฝึกมีประสิทธิภาพ 82.17/85.00
3. การทดลองใช้แบบฝึกสัปดาห์ละ 4 คาบๆ ละ 50 นาที รวม 8 คาบ ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้สอนโดยใช้วิธีสอนแบบเอ็กซ์พลิซิทประกอบการใช้แบบฝึก
4. ผลการประเมินแบบฝึกพบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยหลังเรียนนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน นักเรียนมีความคิดเห็นในระดับเห็นด้วยอย่างมากกับแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ คือ ด้านภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและมีสีสวยงาม ด้านวิธีการเรียนมีความสนุกสนานและทำให้ตั้งใจเรียน และต้องการให้พัฒนาทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะการเขียน ทักษะการฟังและทักษะการพูด และควรพัฒนาแบบฝึกในรายวิชาอื่นๆ ควรมีการปรับปรุงกิจกรรมการเรียนการสอนโดยไม่ต้องทบทวนในสิ่งที่เรียนไปแล้วทุกครั้งและเปลี่ยนตัวอักษรให้มีความหลากหลาย